ในวินาทีนี้ กลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั้งในไทย และต่างประเทศ คงหนีไม่พ้น การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ หรือ Influencer Marketing เพราะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่วัดผลได้จริง ทั้งในแง่ของการเพิ่มการรับรู้ ช่วยทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมถึงเพิ่มยอดขายได้อย่างยั่งยืน ด้วยคอนเทนต์อันทรงพลังของ Influencer

ก่อนหน้านี้ Tellscore เคยพานักการตลาดเจาะลึกเทรนด์สำคัญของวงการ Influencer Marketing ที่จะเกิดขึ้นในปี 2022 รวมถึงการปรับพื้นฐานเตรียมตัวก่อนเข้าสู่วงการ Influencer Marketing เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้นักการตลาดหลายๆ คน กำลังตัดสินใจที่จะใช้ Influencer เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดหลักของแบรนด์

เช็ค Brand State ค้นหากลยุทธ์ Influencer Marketing ที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตามคำถามที่อาจเกิดขึ้นในใจของนักการตลาด คือ “จะทำ Influencer Marketing อย่างไร ให้เหมาะสมกับแบรนด์?” ซึ่งก่อนที่จะตอบคำถามนี้ได้ นักการตลาดต้องลองตรวจสุขภาพ เช็ค Brand State ของตัวเองเสียก่อน จึงจะรู้ว่าแบรนด์ของตัวเองเหมาะกับการทำ Influencer Marketing ในรูปแบบใด

เพราะการใช้กลยุทธ์ Influencer Marketing ไม่ได้มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว Brand State ที่ต่างกัน จะทำให้การเลือกใช้ Influencer ต่างกันไปด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Brand State ของแบรนด์จะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นหลักๆ ได้แก่

Early State
เป็นก้าวแรกของแบรนด์ที่เพิ่งเริ่มทำการตลาด หรือในช่วงที่แบรนด์กำลังตั้งไข่ ยังไม่มีพื้นที่สื่อสารไปถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากนัก ทำให้แบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จัก (Awareness ยังน้อย) วัดได้จากการค้นหาชื่อแบรนด์ ชื่อสินค้าและ Hashtags ของแบรนด์ ใน Search Engine ต่างๆ แล้วไม่พบแบรนด์ปรากฎอยู่ในผลการค้นหา 100 อันดับแรก

Awareness State
ก้าวที่สองของแบรนด์ที่ค่อนข้างสำคัญ นักการตลาดจะเริ่มเห็นพัฒนาการในการสร้าง Awareness แบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มเป้าหมาย เริ่มมีลูกค้าถามหาเข้ามา แต่ยังไม่มีลูกค้าประจำที่นักการตลาดให้คำจำกัดความว่าเป็นลูกค้าที่มี Brand Love หรือ Brand Loyalty เริ่มมีทีมนักการตลาดสำหรับวางแผน และดำเนินงาน แต่ยังไม่มีการเก็บข้อมูล Database อย่างเป็นระบบ เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ผลการค้นหาใน Search Engine เรียกว่าอยู่ในช่วงที่มีตัวตนแล้ว

Engagement State
เป็นก้าวแห่งความสำเร็จของแบรนด์ทั้งในด้าน Awareness และ Engagement มีลูกค้าต่อเนื่อง และเริ่มมีลูกค้าประจำกลุ่มเล็กๆ เป็นของตัวเอง มีอำนาจต่อรองในการขายสินค้าระดับเบื้องต้น รวมถึงมีช่องทางในการจัดจำหน่ายมากขึ้น เช่น ร้านค้าออนไลน์ ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือห้างสรรพสินค้าบางสาขา เป็นต้น

เมื่อนักการตลาดได้ลองวิเคราะห์แบรนด์ของตัวเอง จนรู้ Brand State เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่านักการตลาดพร้อมแล้วที่จะพาแบรนด์เข้าสู่วงการ Influencer Marketing ด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงของ Brand State

เจาะลึกกลยุทธ์การใช้ Influencer ของแต่ละ Brand State

แบรนด์ใน Early State เริ่มจากการปั้นแบรนด์
อย่างที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ว่าแบรนด์ในช่วง Early State นับว่าเป็นช่วงที่แบรนด์กำลังตั้งไข่ สิ่งที่แบรนด์ควรทำเป็นอันดับแรกก่อนที่จะเข้าสู่วงการ Influencer Marketing อย่างเต็มตัว คือการ ‘ปั้นแบรนด์’ เสียก่อน โดยเฉพาะการพัฒนาช่องทางในการสื่อสาร กำหนด Key Message และหากลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายให้ได้

หลังจากนั้นจึงเลือกใช้ Macro-Influencer ในการจุดกระแส สร้าง Awareness ในวงกว้าง เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก

ซึ่งกลยุทธ์ Influencer Marketing ของแบรนด์ใน Early State นี้ เทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ว่าเหมือนการซื้อโฆษณาบนป้าย Billboard ที่เน้นทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนจำนวนมากนั่นเอง

แบรนด์ใน Awareness State ต้องสร้าง Engagement
แม้ว่าแบรนด์ที่อยู่ในช่วง Awareness State จะนับว่าผ่านช่วงเวลาตั้งไข่ จนมีพื้นฐานที่ดีในระดับหนึ่งแล้ว แต่สิ่งที่แบรนด์ยังขาดคือลูกค้าประจำ เพราะยังไม่มีเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน

ดังนั้นทำให้แบรนด์ที่อยู่ใน Awareness State มีโจทย์ที่ต้องวิเคราะห์หาลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย และสร้าง Engagement จากกลุ่มเป้าหมายนั้นให้ได้ เพราะ Engagement เป็นสิ่งที่จะนำสู่การ ‘ปิดการขาย’ ได้ดีที่สุด

ซึ่งประเภทของ Influencer ที่จะสร้าง Engagement ได้ดีที่สุด คือ Micro-Influencer ที่จะทำหน้าที่สานต่อ Awareness ที่แบรนด์ใน State นี้มีอยู่แล้ว หรือที่เกิดจากการใช้ Macro Influencer จากใน State แรก ให้กลายมาเป็น Engagement

ในด้านคอนเทนต์ที่ Micro-Influencer ต้องใช้เทียบให้เห็นภาพได้กับการเลือกแจก Brochure ให้กับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย โดย Brochure นั้นต้องให้ข้อมูลในเชิงลึก เชื่อมโยงข้อมูลสินค้า เข้าสู่การใช้ชีวิตของกลุ่มเป้าหมายให้ได้

แบรนด์ใน Engagement State ต้องรักษาจุดยืนในตลาดไว้ให้ได้

แบรนด์ที่อยู่ใน Engagement State เรียกได้ว่าอยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง คือมีทั้ง Awareness และ Engagement ดังนั้นโจทย์ของแบรนด์ใน State นี้ คือการรักษาพื้นที่ในตลาดของตัวเอง ทั้งในส่วนของลูกค้า และยอดขาย

กลยุทธ์ Influencer Marketing ของแบรนด์ที่อยู่ในจุดนี้ จึงต้องเน้นไปที่การสร้าง Brand Love และ Brand Loyalty นั่นคือการทำให้ลูกค้าขาจร กลายเป็นลูกค้าประจำ กลับมาซื้อสินค้าซ้ำอยู่เรื่อยๆ

ด้วยการใช้ Micro-Influencer รับหน้าที่ช่วยกระตุ้นการบอกต่อ จากปากต่อปาก เชิญชวนให้ซื้อสินค้าซ้ำ ด้วยการทำคอนเทนต์รีวิวจากการใช้งานจริง ให้โปรโมชั่นพิเศษ สื่อสารด้วยความจริงใจ

เมื่ออ่านมาจนถึงตรงนี้เชื่อว่าแบรนด์ หรือนักการตลาด น่าจะได้ไอเดีย และกลยุทธ์ในการทำ Influencer Marketing ที่เหมาะสมกับแบรนด์ของตัวเองในแต่ละ Brand State เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หากคุณคือเจ้าของธุรกิจ หรือนักการตลาด ที่ยังคงสงสัยว่าแบรนด์ของตัวเองอยู่ใน State ไหน และต้องใช้อินฟลูเอนเซอร์รูปแบบใด จึงจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง สามารถติดต่อขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง Tellscore ได้เลย หรือจะเข้าไปเลือกชมข้อมูลของอินฟลูเอนเซอร์กว่า 76,000 คน รวมถึงสร้างแคมเปญได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ที่เว็บไซต์ https://th.tellscore.com/th/

หรือโทร 02 160 5020

ตรวจสุขภาพแบรนด์

เช็ค Brand State ก่อนเลือกใช้ Influencer